FAQ CLEAN EDGE
CLEAN EDGE คือนวัตกรรมการฆ่าเชื้อด้วยคลื่นแสง 405 nm เทคโนโลยีชนิดนี้เรียกว่า VIOLED เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยบริษัท SEOUL VIOSYS ผู้นำด้าน semiconductor และอุปกรณ์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ และเป็นบริษัทที่พัฒนาระบบการฆ่าเชื้อบนสถานีอวกาศนานาชาติของนาซ่า ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Maltani ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าของประเทศเกาหลีใต้ มีซัมซุงร่วมทุน
การฆ่าเชื้อด้วยแสง 405 nm ของ CLEAN EDGE ไม่ใช่แสง UV เป็นแสงที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิด สามารถลดปริมาณเชื้อที่แพร่กระจายผ่านทาง airborne, droplet และบนพื้นผิวได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้งสารตกค้าง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ใช้งานง่าย สะดวก อายุการใช้งานยาวนาน 50,000 ชั่วโมง ไม่ทำลายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือต่างๆ
- กลไกฆ่าเชื้อของคลื่นแสง 405 นาโนเมตรเรียกว่า “ Antimicrobial Photodynamic Therapy” เกิดขึ้นเมื่อสาร porphyrin ในเซลล์จุลินทรีย์ ดูดกลืนพลังงานจากแสง 405 nm ” กลายเป็น excited porphyrin ” excited porphyrin ไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์โดยส่งพลังงาน และอิเล็กตรอนให้ออกซิเจนภายในเซลล์ ” เกิดอนุมูลอิสระต่างๆเช่น ROS และ singlet oxygen (1O2) ” สร้างความเสียหายจนทำให้เซลล์ตายไปในที่สุด ซึ่งกระบวนการฆ่าเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้นกับเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิด
โดยแสง 405 nm ของ CLEAN EDGE จะกระตุ้นให้เชื้อทั้งในอากาศและบนพื้นผิวสร้างอนุมูลอิสระทันทีที่สัมผัสแสง นอกจากนี้การใช้งาน CLEAN EDGE ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงจะทำให้กลไกการฆ่าเชื้อที่กล่าวมาข้างต้นจะเกิดอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการช่วยควบคุมปริมาณเชื้อภายในพื้นที่ติดตั้งได้ตลอดเวลา
แสง 405 nm ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้หลายชนิดทั้ง แบคทีเรียแกรมบวก, แบคทีเรียแกรมลบ, รา, ยีสต์, ไวรัส ซึ่ง CLEAN EDGE ได้ผ่านการทดสอบรับรองคุณสมบัติการฆ่าเชื้อจากสถาบันต่างๆว่าสามารถฆ่าเชื้อได้จริงทั้งเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในโรงพยาบาล, E.coli ที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง, S.aureus ที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ,
K. pneumoniae ซึ่งเป็นต้นเหตุของปอดติดเชื้อ, Salmonella sp. ก่อโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ, H5N3 ก่อโรคไข้หวัดนก รวมไปถึง SARS-Cov-2 หรือเชื้อโควิด19 นั่นเอง
เพื่อให้เกิดการฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่องควรเปิดใช้งานแสง 405 nm ของ CLEAN EDGE 24 ชั่วโมง โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติเหมือนที่เราใช้งานแสงสว่างทั่วไป
เกิดกระบวนการฆ่าเชื้อทันทีที่เชื้อโรคสัมผัสแสง 405 nm และหากอ้างอิงจากผลการทดสอบและงานวิจัยปริมาณเชื้อลดลง 90% หลังจากสัมผัสแสง 405 nm 30 นาที, ปริมาณเชื้อลดลง 99.9% หลังจากสัมผัสแสง 405 nm 60 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามการฆ่าเชื้อของ CLEAN EDGE เป็นกระบวนการฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่องจึงเป็นการช่วยควบคุมปริมาณเชื้อภายในพื้นที่ติดตั้งได้ตลอดเวลา
ฆ่าเชื้อในบริเวณที่แสงส่องถึงทั้งในอากาศและพื้นผิวควบคุมการทำงานด้วยสวิตช์ 2 สวิตช์ สามารถใช้งานได้ 3 ฟังก์ชันได้แก่
- ฟังก์ชันใช้งานเฉพาะระบบไฟส่องสว่าง
- ฟังก์ชันใช้งานเฉพาะระบบแสงไฟฆ่าเชื้อ
- ฟังก์ชันใช้งานระบบส่องสว่างพร้อมระบบฆ่าเชื้อ
CLEAN EDGE รุ่น 600M ครอบคลุมพื้นที่ 20 ตารางเมตร
CLEAN EDGE รุ่น 120M ครอบคลุมพื้นที่ 30 ตารางเมตร
- รุ่น 600M ใช้กำลังไฟ 58 W
กรณีเปิด 24 ชั่วโมง จะใช้ไฟ 1.4 หน่วย/วัน
- รุ่น 120M ใช้กำลังไฟ 70 W
กรณีเปิด 24 ชั่วโมง จะใช้ไฟ 1.7 หน่วย/วัน
ติดตั้งโดยยึดโคม CLEAN EDGE บนเพดาน เจาะเพดานเพื่อเดินสายไฟ
ระบบไฟของ CLEAN EDGE เป็นแบบ 2 วงจร ประกอบด้วย
- วงจรไฟให้แสงสว่างทั่วไป
- วงจรไฟ 405 nm สำหรับฆ่าเชื้อโรค
สวิตซ์ควบคุมการใช้งานของแต่ละวงจรแยกออกจากกัน สามารถเลือกใช้งานได้ 3 ฟังก์ชั่นได้แก่
- ใช้งานเฉพาะไฟ 405 nm เพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ใช้งานเฉพาะไฟส่องสว่างทั่วไป
- ใช้งาน 2 ฟังก์ชั่นพร้อมกัน
CLEAN EDGE มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 50,000 ชั่วโมง
LED chip ของผลิตภัณฑ์ CLEAN EDGE ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน LM 80 แล้ว ซึ่งมาตรฐาน LM-80 คือมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบและวัดอายุการใช้งานของหลอด LED เพื่อประเมินความยาวของอายุการใช้งานก่อนที่แหล่งกำเนิดแสงจะเสื่อมสภาพอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ผลิต LED chip ของผลิตภัณฑ์ CLEAN EDGE (Samsung Electronics, Seoul Semiconductor) รับรองประสิทธิภาพการใช้งานตลอด 50,000 ชั่วโมงไม่ต่ำกว่า 95%
- การฆ่าเชื้อของ CLEAN EDGE เป็นระบบการฆ่าเชื้อที่เรียกว่า High-Intensity Narrow-Spectrum light Environmental Disinfection System ,HINS-light EDS โดยใช้คลื่นแสง 405 nm ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้หลายชนิดทั้ง
แบคทีเรียแกรมบวก, แบคทีเรียแกรมลบ, รา, ยีสต์, ไวรัส โดยสามารถลดปริมาณเชื้อโรคได้ทั้งในอากาศ และบนพื้นผิว และปลอดภัยของผู้ใช้งาน สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากแสงสีฟ้า - เป็นวิธีการกำจัดเชื้อโรคที่จะเข้ามาช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านได้ เพราะมีความได้เปรียบในด้านความต่อเนื่องของการกำจัดเชื้อ และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน พลังงานแสงที่ใช้กำจัดเชื้อต่ำ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อของคนและสัตว์ สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ทุกบริเวณที่แสงส่องถึง ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคได้อย่างต่อเนื่อง ใช้งานง่าย ไม่ทำลายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและซ่อมบำรุงต่ำ
- User friendly เพราะใช้งานง่าย สะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ใช้งานง่าย: ควบคุมการทำงานด้วยสวิตช์ 2 สวิตช์ สามารถใช้งานได้ 3 ฟังก์ชันได้แก่
- ฟังก์ชันใช้งานเฉพาะระบบไฟส่องสว่าง
- ฟังก์ชันใช้งานเฉพาะระบบแสงไฟฆ่าเชื้อ
- ฟังก์ชันใช้งานระบบส่องสว่างพร้อมระบบฆ่าเชื้อ
- สะดวก: ลดความยุ่งยากในการดำเนินการ ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์และสถานที่ ไม่ต้องเคลื่อนย้ายคนและอุปกรณ์ต่างออกจากพื้นที่ที่ต้องการฆ่าเชื้อ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องและเปิดใช้งานขณะมีคนอยู่ในพื้นที่นั้นได้ สามารถใช้งานในช่วง high activities ได้
- ปลอดภัย:
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยทางแสง (IEC 62471) ที่กำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินความปลอดภัยของสินค้าที่ให้แสงสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์แสงที่อาจมีผลกระทบต่อสายตาและร่างกายของมนุษย์ เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานนี้ในการอ้างอิงเช่นกัน โดยระดับความปลอดภัยทางแสงที่ IEC กำหนดจะมีทั้งหมด 4 กลุ่มคือ
- Exempt group: ไม่มีความเสี่ยงที่เป็นอันตราย ไม่ทำให้เกิดอันตรายจากแสง (No photobiological hazard) ซึ่ง CLEAN EDGE ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้***
- Risk group 1 (Low-Risk)
- Risk Group 2 (Moderate-Risk)
- Risk Group 3 (High-Risk)
- ผ่านการทดสอบ Peak Wavelength ตามมาตรฐาน IES LM-79-08 จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช ว่าคลื่นแสงที่ใช้ในการฆ่าเชื้อเป็นแสงในช่วง 405 nm จริง
- พลังงานแสงที่ใช้ในการฆ่าเชื้อต่ำ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อของคนและสัตว์
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานตามข้อกำหนด Restriction of Hazardous Substances (RoHS) และไม่ทิ้งสารตกค้างที่ระคายเคืองทางเดินหายใจ และไม่ทำลายอุปกรณ์ทางการแพทย์/เฟอร์นิเจอร์/เครื่องมือต่างๆ
Comparison Clean Edge VS UVC222
รายการ | CLEAN EDGE | UVC222 |
---|---|---|
Spectrum | Visible light 405nm | UVC222 |
Sterilization process | Reactive oxygen species | Attack directly to DNA |
Ozone emission. | No. ozone emission The product was tested according to the European Directive 2011/65/EU concerning RoHS. | Ozone genration from UV light typically happens below 240nm by interrupting the bond of oxygen molecules causing 2 separate oxygen atoms. |
Human safety | Certified by IEC62471: "Exempt" poses NO RISK (Group 0) | Studies has shown that there are a few dangers: 1. Still DNA damage but different from effect on UV254, caused slow cell regeration and repair. 2 Downgrading tumor suppressor gene, Rb1 and P53 https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2022.02.22.481471v1.full |
Studies raise concern on open wounds. Therefore may not be suitable for hospitals. https://www.mdpi.com/1422-0067/23/16/9112 | ||
Can be used continuously for 24 Hrs. | According to USFDA, UVC222 exposure is limited to 8 hrs. https://www.ophthalmologytimes.com/view/expanding-the-focus-of-uvclight-as-an-infection-prevention-tool |